แนวคิดการจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ส่วนบุคคลบนอินเทอร์เน็ต
บทความ ฉบับร่าง โดย ดร.พูลศรี เวศย์อุฬาร
เมื่อกล่าวถึงบทเรียนอีเลิร์นนิ่งในบริบทของสังคมยุคปัจจุบัน บทเรียนอีเลิร์นนิ่งทั่วๆ ไป น่าจะหมายถึงบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนแบบมัลติมีเดียที่มีปฏิสัมพันธ์และถ่ายทอดอยู่บนอินเทอร์เน็ต ดังนั้นบทเรียนอีเลิร์นนิ่งจึงเป็นส่วนหนึ่งของการจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบอีเลิร์นนิ่งหรือการเรียนรู้บนอินเทอร์เน็ตนั้นเอง เพื่อให้เกิดความเข้าใจในแนวคิดของการจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบอีเลิร์นนิ่งให้ดีขึ้น จึงขออธิบายด้วยการยกตัวอย่างเปรียบเทียบกับการจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบปกติ เช่น ในชีวิตประจำวันของนักศึกษาที่ต้องเดินทางไปเรียน ณ มหาวิทยาลัยนั้น ไม่เพียงแต่นำหนังสือ ตำรา เอกสารประกอบการสอนติดตัวไปด้วย แต่ย่อมมีสมุดจดบันทึก และอุปกรณ์การเรียนต่างๆ เช่น เครื่องคิดเลข เครื่องบันทึกเสียง และอุปกรณ์สื่อสารอื่น ติดตัวไปด้วยเป็นต้น โดยปกติเมื่อเข้าห้องเรียนจะเขียนจดบันทึกข้อความต่างๆ หรือ อัดเสียงระหว่างการสอน พูดคุยปรึกษาหารือกับเพื่อนร่วมชั้น และอาจารย์ผู้สอน บางครั้งนักศึกษาบางคนไม่สามารถเข้าชั้นเรียนได้เนื่องจากปัญหาสุขภาพ หรือกิจธุระ ก็สามารถศึกษาหาความรู้จากการอ่านเอกสารการสอน ตำรา หรือหนังสือได้ และบ่อยครั้งมักจะยืมสมุดจดบันทึกจากเพื่อน หรือสอบถามเพื่อนเกี่ยวกับการเรียนที่ผ่านมา นำไปเขียนเป็นบันทึกความเข้าใจของตนเอง ซึ่งในการเขียนบันทึกนั้นมักจะเป็นภาษาที่กระชับเข้าใจง่าย มีการใช้สัญลักษณ์เพื่อเน้น ใช้ปากกาเน้นข้อความ ร่วมกับความรู้สึกและประสบการณ์ของตนเอง นอกจากนี้ในระหว่างพักนักศึกษายังสามารถพบปะเพื่อนฝูงตามอาคารและสถานที่ต่างๆในมหาวิทยาลัย หรือเข้าร่วมกิจกรรมอื่นๆ เช่นเข้าชมนิทรรศการ ไปยังร้านสวัสดิการ โรงอาหาร หรือการเข้าร่วมประชุมสัมมนาต่างๆ ในมหาวิทยาลัยได้อีกด้วย ซึ่งจะเห็นได้ว่าผู้เรียนไม่ได้ใช้เวลาเฉพาะแต่ในห้องเรียนเท่านั้น
ส่วนสภาพแวดล้อมบนอินเเทอร์เน็ตนั้น นักศึกษาซึ่งอยู่ในสถานที่ต่างๆ สามารถเข้าสู่บทเรียนอีเลิร์นนิ่ง ซึ่งบทเรียนอีเลิร์นนิ่งประเภทมัลติมีเดีย หรือวีดีโอที่มีผู้สร้างขึ้นอย่างมากมายในขณะนี้นั้นน่าจะเปรียบได้กับหนังสือเล่มหนึ่งที่สามารถยืมได้จากห้องสมุด หรือ Download ได้จากอินเทอร์เน็ต นักศึกษาย่อมสามารถได้นำติดตัวไปเรียนได้ เก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา หรือแบบปกติของตนเอง เพื่ออ่าน ศึกษา และแบ่งปันกับเพื่อนได้ แต่ปัจจุบันก็ยังไม่สะดวกสบายนักในการจดบันทึกด้วยภาษาของตนเองที่เข้าใจง่ายแทรกลงไปในหน้าใดหน้าหนึ่งได้ง่ายๆ นอกเสียจากจะใช้โปรแกรมอื่นๆ ช่วย ยิ่งกว่านั้นในระหว่างที่ใช้บทเรียนอีเลิร์นนิ่ง หรืออ่านอีบุ๊คนั้นก็จะไม่ทราบว่าเพื่อนๆ หรืออาจารย์ผู้สอนมีความคิด ความเข้าใจต่อบทเรียนอีเลิร์นนิ่งดังกล่าวอย่างไร มีแหล่งข้อมูลอื่นๆ บนอินเทอร์เน็ตที่จะส่งเสริมความเข้าใจให้ดีขึ้นบ้างหรือไม่ ดังนั้นการอ่านหรือการเรียนจากบทเรียนอีเลิร์นนิ่งโดยลำพังบนอินเทอร์เน็ตจึงเป็นสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ไม่เสมือนธรรมชาติ ไม่ส่งเสริมให้เกิดประสิทธิภาพเท่ากับการเรียนรู้แบบปกติ
แนวคิดของจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบอีเลิร์นนิ่ง คือการจำลองกระบวนการเรียนรู้แบบปกติมาอยู่บนอินเทอร์เน็ตอย่างสมบูรณ์โดยการใช้เทคโนโลยีของ Application และ เว็บไซต์ประเภทต่างๆ ร่วมกับบทเรียนอีเลิร์นนิ่ง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพของการสื่อสารระหว่างเรียนบนอินเทอร์เน็ต เพื่อให้เกิดเป็นสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพเสมือนกับการเรียนรู้แบบปกติ ยกตัวอย่างเช่น ในการจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบอีเลิร์นนิ่งนั้น ผู้สอนกำหนดให้เรียนจากบทเรียนอีเลิร์นนิ่ง ทำแบบฝึกหัดระหว่างเรียน และแบบทดสอบต่างๆ บนระบบการจัดการเรียนการสอน (Learning Management System: LMS) ร่วมกับกำหนดให้ผู้เรียนมีการจดบันทึกระหว่างเรียนด้วยNote Taking Application หรือ โปรแกรมช่วยจดบันทึก เช่น EverNote, UberNote, Zoho Notebook ผู้สอนส่งเสริมให้ผู้เรียนแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันโดยการอ่านจากการจดบันทึกบนอินเทอร์เน็ตของเพื่อนร่วมชั้น ซึ่งคล้ายกับการอภิปรายในชั้นเรียนแบบปกติ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ตรวจทานความรู้ ความเข้าใจ อีกทั้งยังส่งเสริมเกิดความคุ้นเคย เป็นการสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน และในกลุ่มของผู้เรียนด้วยกันเองมากยิ่งขึ้น หรือการกำหนดให้ใช้ Video Conference ในกลุ่มย่อยโดยมีอาจารย์เป็นผู้ดำเนินการ หลังเรียนจากบทเรียนอีเลิร์นนิ่งที่สร้างขึ้น จะทำให้ผู้สอนสามารถสังเกตบุคลิก และการแสดงออกของผู้เรียนได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น นอกจากนี้การจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบอีเลิร์นนิ่งควรจะมีการสร้างกลุ่มใน Social Networkเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล แหล่งความรู้ พูดคุยทั้งแบบสด หรือแบบนัดหมายล่วงหน้า เพราะ Social Network สามารถสื่อสารได้อย่างยืดหยุ่น มีประสิทธิภาพ ส่งเสริมการเรียนรู้แบบร่วมมือได้ดี และมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ากับปัจจุบัน โดยสามารถรับข้อมูลได้จากเครื่องคอมพิวเตอร์แบบปกติและแบบพกพาได้ดี Social Network ยังส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักเพื่อน หรืออาจารย์มากขึ้นกว่าการอ่านข้อความที่มีอยู่ในบทเรียนอีเลิร์นนิ่งเท่านั้น ซึ่งเปรียบเสมือนการเข้าเรียนแบบเผชิญหน้าซึ่งแต่ละคนก็จะสังเกตบุคลิกของผู้อื่นได้ หรือพูดคุยกันได้ในระหว่างพักนั้นเอง
ดังนั้นจึงอาจจะสรุปได้ว่า แนวความคิดของการจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบอีเลิร์นนิ่ง เป็นแนวทางที่มุ่งเน้นให้เทคโนโลยีของ Application ที่อยู่บนเว็บไซต์ต่างๆ ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้เสมือนธรรมชาติของการเรียนปกติ ร่วมกับการใช้บทเรียนอีเลิร์นนิ่งที่มีการออกแบบมาอย่างเหมาะสมมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เป็นการเรียนรู้แบบอีเลิร์นนิ่งที่สมบูรณ์ โดยที่การจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบอีเลิร์นนิ่งในแต่ละสาขาวิชานั้น อาจจะมีรูปแบบที่ต่างกันไป ขึ้นอยู่กับลักษณะของการเรียนรู้ และกิจกรรมที่จะส่งเสริมให้เกิดความเข้าใจในเนื้อหาประเภทต่างๆ กันไป
Can (2007) อธิบายว่า PLE (Personal Learning Environment) หรือ การจัดสภาพแวดล้อมการเรียนส่วนบุคคล คือ ระบบที่ช่วยผู้เรียนควบคุม จัดการการเรียนรู้ของตนเอง ซึ่งรวมไปถึงการกำหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้เอง จัดการวิธีการเรียนด้านเนื้อหา และกระบวนการเรียน และการสื่อสารกับผู้อื่นเพื่อให้เกิดการเรียนรู้
ในทางตรงกันข้าม Virtual learning environment (VLE) หรือ Learning Management System (LMS) อย่างเช่น Blackboard หรือ Moodle นั้นคือ ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ที่ถูกออกแบบเพื่อช่วยผู้สอนให้ดำเนินการจัดการสอนได้ โดยเฉพาะการช่วยผู้สอนให้บริหารจัดการการเรียนรู้ ระบบดังกล่าวนี้มักจะสามารถบันทึกและตรวจสอบกระบวนการเรียนรู้ ซึ่งสามารถแสดงผลให้ทั้งกับผู้สอนและผู้เรียนได้ทราบ
ส่วนสภาพแวดล้อมบนอินเเทอร์เน็ตนั้น นักศึกษาซึ่งอยู่ในสถานที่ต่างๆ สามารถเข้าสู่บทเรียนอีเลิร์นนิ่ง ซึ่งบทเรียนอีเลิร์นนิ่งประเภทมัลติมีเดีย หรือวีดีโอที่มีผู้สร้างขึ้นอย่างมากมายในขณะนี้นั้นน่าจะเปรียบได้กับหนังสือเล่มหนึ่งที่สามารถยืมได้จากห้องสมุด หรือ Download ได้จากอินเทอร์เน็ต นักศึกษาย่อมสามารถได้นำติดตัวไปเรียนได้ เก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา หรือแบบปกติของตนเอง เพื่ออ่าน ศึกษา และแบ่งปันกับเพื่อนได้ แต่ปัจจุบันก็ยังไม่สะดวกสบายนักในการจดบันทึกด้วยภาษาของตนเองที่เข้าใจง่ายแทรกลงไปในหน้าใดหน้าหนึ่งได้ง่ายๆ นอกเสียจากจะใช้โปรแกรมอื่นๆ ช่วย ยิ่งกว่านั้นในระหว่างที่ใช้บทเรียนอีเลิร์นนิ่ง หรืออ่านอีบุ๊คนั้นก็จะไม่ทราบว่าเพื่อนๆ หรืออาจารย์ผู้สอนมีความคิด ความเข้าใจต่อบทเรียนอีเลิร์นนิ่งดังกล่าวอย่างไร มีแหล่งข้อมูลอื่นๆ บนอินเทอร์เน็ตที่จะส่งเสริมความเข้าใจให้ดีขึ้นบ้างหรือไม่ ดังนั้นการอ่านหรือการเรียนจากบทเรียนอีเลิร์นนิ่งโดยลำพังบนอินเทอร์เน็ตจึงเป็นสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ไม่เสมือนธรรมชาติ ไม่ส่งเสริมให้เกิดประสิทธิภาพเท่ากับการเรียนรู้แบบปกติ
แนวคิดของจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบอีเลิร์นนิ่ง คือการจำลองกระบวนการเรียนรู้แบบปกติมาอยู่บนอินเทอร์เน็ตอย่างสมบูรณ์โดยการใช้เทคโนโลยีของ Application และ เว็บไซต์ประเภทต่างๆ ร่วมกับบทเรียนอีเลิร์นนิ่ง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพของการสื่อสารระหว่างเรียนบนอินเทอร์เน็ต เพื่อให้เกิดเป็นสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพเสมือนกับการเรียนรู้แบบปกติ ยกตัวอย่างเช่น ในการจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบอีเลิร์นนิ่งนั้น ผู้สอนกำหนดให้เรียนจากบทเรียนอีเลิร์นนิ่ง ทำแบบฝึกหัดระหว่างเรียน และแบบทดสอบต่างๆ บนระบบการจัดการเรียนการสอน (Learning Management System: LMS) ร่วมกับกำหนดให้ผู้เรียนมีการจดบันทึกระหว่างเรียนด้วยNote Taking Application หรือ โปรแกรมช่วยจดบันทึก เช่น EverNote, UberNote, Zoho Notebook ผู้สอนส่งเสริมให้ผู้เรียนแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันโดยการอ่านจากการจดบันทึกบนอินเทอร์เน็ตของเพื่อนร่วมชั้น ซึ่งคล้ายกับการอภิปรายในชั้นเรียนแบบปกติ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ตรวจทานความรู้ ความเข้าใจ อีกทั้งยังส่งเสริมเกิดความคุ้นเคย เป็นการสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน และในกลุ่มของผู้เรียนด้วยกันเองมากยิ่งขึ้น หรือการกำหนดให้ใช้ Video Conference ในกลุ่มย่อยโดยมีอาจารย์เป็นผู้ดำเนินการ หลังเรียนจากบทเรียนอีเลิร์นนิ่งที่สร้างขึ้น จะทำให้ผู้สอนสามารถสังเกตบุคลิก และการแสดงออกของผู้เรียนได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น นอกจากนี้การจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบอีเลิร์นนิ่งควรจะมีการสร้างกลุ่มใน Social Networkเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล แหล่งความรู้ พูดคุยทั้งแบบสด หรือแบบนัดหมายล่วงหน้า เพราะ Social Network สามารถสื่อสารได้อย่างยืดหยุ่น มีประสิทธิภาพ ส่งเสริมการเรียนรู้แบบร่วมมือได้ดี และมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ากับปัจจุบัน โดยสามารถรับข้อมูลได้จากเครื่องคอมพิวเตอร์แบบปกติและแบบพกพาได้ดี Social Network ยังส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักเพื่อน หรืออาจารย์มากขึ้นกว่าการอ่านข้อความที่มีอยู่ในบทเรียนอีเลิร์นนิ่งเท่านั้น ซึ่งเปรียบเสมือนการเข้าเรียนแบบเผชิญหน้าซึ่งแต่ละคนก็จะสังเกตบุคลิกของผู้อื่นได้ หรือพูดคุยกันได้ในระหว่างพักนั้นเอง
ดังนั้นจึงอาจจะสรุปได้ว่า แนวความคิดของการจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบอีเลิร์นนิ่ง เป็นแนวทางที่มุ่งเน้นให้เทคโนโลยีของ Application ที่อยู่บนเว็บไซต์ต่างๆ ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้เสมือนธรรมชาติของการเรียนปกติ ร่วมกับการใช้บทเรียนอีเลิร์นนิ่งที่มีการออกแบบมาอย่างเหมาะสมมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เป็นการเรียนรู้แบบอีเลิร์นนิ่งที่สมบูรณ์ โดยที่การจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบอีเลิร์นนิ่งในแต่ละสาขาวิชานั้น อาจจะมีรูปแบบที่ต่างกันไป ขึ้นอยู่กับลักษณะของการเรียนรู้ และกิจกรรมที่จะส่งเสริมให้เกิดความเข้าใจในเนื้อหาประเภทต่างๆ กันไป
Can (2007) อธิบายว่า PLE (Personal Learning Environment) หรือ การจัดสภาพแวดล้อมการเรียนส่วนบุคคล คือ ระบบที่ช่วยผู้เรียนควบคุม จัดการการเรียนรู้ของตนเอง ซึ่งรวมไปถึงการกำหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้เอง จัดการวิธีการเรียนด้านเนื้อหา และกระบวนการเรียน และการสื่อสารกับผู้อื่นเพื่อให้เกิดการเรียนรู้
ในทางตรงกันข้าม Virtual learning environment (VLE) หรือ Learning Management System (LMS) อย่างเช่น Blackboard หรือ Moodle นั้นคือ ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ที่ถูกออกแบบเพื่อช่วยผู้สอนให้ดำเนินการจัดการสอนได้ โดยเฉพาะการช่วยผู้สอนให้บริหารจัดการการเรียนรู้ ระบบดังกล่าวนี้มักจะสามารถบันทึกและตรวจสอบกระบวนการเรียนรู้ ซึ่งสามารถแสดงผลให้ทั้งกับผู้สอนและผู้เรียนได้ทราบ